วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559



"การจัดการความรู้ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อกกลายขิดบ้านหนองหัววัว 
ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น"

รวบรวม/เรียบเรียงโดย.....นางสาวอินทุอร  สินธุชาติ

การทอเสื่อกกลายขิด

 1.ประวัติการทอเสื่อกกลายขิดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อกกลายขิดบ้านหนองหัววัว
กลุ่มทอเสื่อกกลายขิดบ้านหนองหัววัว ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ก่อตั้งขึ้นโดยเริ่มจากชาวบ้านบ้านหนองหัววัว ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา เมื่อหมดฤดูทำนา ก็ จะพากันทอเสื่อกกไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน และบางส่วนก็จะจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว โดยเริ่มจากชาวบ้านทอเสื่อลายธรรมดา ต่อมาก็ได้คิดประดิษฐ์ลวดลายต่างๆ โดยการทอเสื่อกกลายขิด เป็นภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นที่นำเอาต้นกกมาแปรสภาพให้เป็นเส้น ย้อมสี แล้วสานทอให้เป็นแผ่นผืน โดยมีแนวความคิดการยกดอกลายขิดมาจากการมัดหมี่ นำมาเป็นกรรมวิธีในการทอให้เกิดความสวยงามและดึงดูดผู้ใช้ เพื่อนำมาใช้ปูลาดรองนั่งหรือนอน หรือทำธุรกรรมต่างๆ ตลอดจนทำพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อ
กลุ่มทอเสื่อกกลายขิดบ้านหนองหัววัว ได้ปรึกษากับพัฒนาชุมชนเพื่อขอจัดตั้งกลุ่มเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2548 มีสมาชิกทั้งหมด 20 คน และได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมเขต 5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้เข้ามาแนะนำการออกแบบลายเสื่อและได้ดำเนินการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสี ได้เข้ามาเยี่ยมชม แล้วซื้อสินค้าจากกลุ่มทอเสื่อ และซักถามสมาชิกในกลุ่ม และหลังจากนั้นได้นำออกรายการ ผู้ใหญ่บ้านดำดี และได้รับการสนับสนุนจักรอุตสาหกรรม จำนวน 2 หลัง และศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองขอนแก่น ได้เข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณ เป็นจำนวนเงิน 3,000 บาทเพื่อเป็นงบหมุนเวียนในกลุ่ม ในปัจจุบันมีนางบุญทัน สีหาบุตร เป็นประธานกลุ่ม โดยมีแหล่งเรียนรู้การทอเสื่อกกลายขิดอยู่บ้านเลขที่ 22 บ้านหนองหัววัว หมู่ 6 ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
2. สภาพทางเศรษฐกิจของกลุ่มเกษตรกร
 - แรงงาน  สมาชิกภายในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อกกลายขิดบ้านหนองหัววัว ใช้แรงงานคนในการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์ โดยมีสมาชิกภายในกลุ่ม จำนวน 20 คน
 - การอบรม สมาชิกภายในกลุ่มได้รับความรู้ในการทอเสื่อกกลายขิดสืบทอดมาจากบรรพบรุษในครัวเรือนของตนเองและได้มีการอบรมถ่ายทอดความรู้ให้แก่สมาชิกในกลุ่มที่ยังไม่มีความชำนาญในปีแรกที่มีการรวมกลุ่ม และดำเนินการแบบนั้นมาทุกปีเพื่อพัฒนาฝีมือในการทอเสื่อและแปรรูปผลิตภัณฑ์
  - เงินทุน สมาชิกภายในกลุ่มมีการรวมหุ้นกันคนละไม่เกิน 10 หุ้นๆ ละ 100 บาท รวมเป็นเงิน   20,000 บาท โดยจะมีการปันผลให้กับสมาชิกภายในกลุ่มปีละครั้ง มากหรือน้อยตามรายได้ของกลุ่ม เพราะสมาชิกในกลุ่มได้สร้างข้อตกลงร่วมกันว่าหากขายได้จะมีการหักเงินสะสมเข้าบัญชีกลุ่มตามขนาดของเสื่อที่ทอได้ 
3.กระบวนการทอเสื่อกกลายขิต



      1) การจัดหาวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการทอเสื่อกก
          - วัสดุที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการทอเสื่อโดยกกที่ใช้ในการทอเสื่อ ได้แก่ เส้นยืนใช้ไนลอน และเส้นนอนหรือเส้นพุ่งใช้เส้นกก
          - อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการทอเสื่อกก ได้แก่ โครงกี่ทอเสื่อ(โฮงทอสาด ),ฟืม ,ไม้ส่งกก หรือไม้สำหรับสอดเส้นกก ,มีดตัดกก ,มีดจักกก ,ปี๊บสำหรับย้อมสีกก ,สีเคมี(สีวิทยาศาสตร์) สำหรับย้อมกก ,สารช่วยให้สีติดทนนานและสีสดขึ้น ได้แก่ สารส้ม น้ำส้มสายชู และเกลือ ,เทียนไขหรือไขสัตว์ ,หินขัด ,จักรเย็บผ้า ,กรรไกร และ ผ้าเย็บริม
2) การตัดกก จะทำในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม หรือดูจากความยาว หรือดอกที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล โดยจะใช้มีดเล็กตัดเกือบถึงโคนต้นกก แล้วนำมากองเรียงเพื่อคัดแยกขนาดตั้งแต่ความยาว 50 ซม. 80 ซม. 100 ซม. และ 120 ซม. จากนั้นนำแต่ละกองที่มีขนาดเท่ากันมัดเก็บไว้ด้วยกัน ตัดดอกทิ้งเพื่อทำการกรีดเป็นเส้น
3) การกรีดกก(จักกก) ควรทำขณะกกสด โดยใช้มีดปลายแหลมที่ทำมาจากใบเลื่อย กรีดกกเป็นเส้น โดยกกกลม(ไหล) 1 ต้นจักได้ 3-4 เส้น
4) การตากกก โดยการนำกกที่จักไปตากแดดให้แห้ง ทำได้ 2 วิธี คือ วิธีแรกแผ่เส้นกกบางๆวางไว้บนพื้น เช่น พื้นดิน พื้นถนน หรือชานบ้าน วันแรกจะตากเต็มวัน จากนั้นนำมามัดเป็นมัดเล็กๆ แล้วตากอีกราว 2 วัน โดยพลิกกลับด้านวันละ 2 ครั้งให้เส้นกกนั้นแห้งสนิท วิธีที่สอง ตากกกแขวนราวไม้ไผ่โดยคล้องเส้นกกไว้บนราว ประมาณ 3-5 วัน หรือสังเกตจากกแห้งสนิท เป็นสีเหลืองนวล กกที่แห้งสนิทเก็บได้นานไม่เกิดเชื้อรา เมื่อนำไปย้อมสีจะได้เส้นกกที่มีความมันวาวสีติดทนนาน
5) การย้อมสี สีที่ใช้ย้อมกกส่วนใหญ่ที่นิยมใช้เป็นสีเคมี (สีวิทยาศาสตร์) เนื่องจากจะมีสีสันสดใส งดงามมากกว่าสีธรรมชาติ ในการย้อมสีมีประโยชน์คือสามารถป้องกันเชื้อราจากเส้นกก การย้อมสีกกมีขั้นตอนดังนี้ คือ นำกกที่ตากแห้งแล้วมาแก้มัดออกให้เหลือส่วนปลาย มัดให้หลวม นำไปแช่น้ำนาน 15-20 นาที เพื่อให้เส้นกกพองตัวและอ่อนนิ่ม จากนั้นนำน้ำใส่ปี๊บประมาณ 15-17 ลิตร หรือ ¾ ปี๊บ ต้มน้ำให้เดือด ใส่สีย้อมประมาณ 1 ช้อนชาต่อกก 2 กำ ใช้ไม้พายกวนให้สีละลาย การย้อมสีกกเริ่มจากสีอ่อนตามลำดับไปเข้มที่สุด สีสุดท้ายจะเป็นสีดำ เมื่อสีละลายดีแล้วใส่สารช่วยให้สีติดทนนาน และสีสดขึ้น สารที่ชาวบ้านใช้ ได้แก่ สารส้ม น้ำส้มสายชู และเกลือ แล้วนำเส้นกกที่มัดเป็นกำแช่ลงไปในน้ำสีที่กำลังเดือดทิ้งไว้ 10-15 นาที  จึงนำไปแช่น้ำ แล้วนำขึ้นตากในที่ร่มมีลมพัดผ่าน 3-4 วัน เมื่อเส้นกกสีแห้งก็สามารถนำไปใช้ในการทอได้
6) การทอ เริ่มจากการร้อยเส้นเอ็นกับฟืมเป็นเส้นยืนตามขนาดของความยาวที่กำหนด และนำเส้นกกไปจุ่ม หรือพรมน้ำไห้เปียกแล้วใช้ผ้าห่อไว้ เพื่อให้เส้นกกอ่อนนิ่มทอได้ง่าย ก่อนทอใช้เทียนไขหรือไขสัตว์ทาที่เส้นยืนเพื่อลดความฝืดลง การทอเสื่อใช้ผู้ทอ 2 คน คนที่ 1 เรียกว่าผู้ส่งกก จะนั่งอยู่ด้านนอกโครงกี่ทอเสื่อ วางเส้นกกเรียงตามสีที่ออกแบบลวดลายไว้ และสลับโคนกก ปลายกก เพื่อความสะดวกในการส่งกกเข้าทอ จับไม้สอด นำเส้นกกให้ด้านโคนพาดอยู่ที่ปลายไม้สอด หรืออยู่ที่รูปลายไม้สอดก็ได้ แล้วส่งไม้สอดให้พุ่งเข้าไประหว่างเส้นยืน แล้วจึงดึงเฉพาะไม้สอดออกให้เส้นกกขัดอยู่ระหว่างเส้นยืน แล้วเตรียมทำเส้นต่อไปเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากโคนกกมาเป็นปลายกก ทำสลับกันไป คนที่ 2 เรียกว่า คนกระแทกฟืม ทำหน้าที่จับฟืมพลิกคว่ำลงหรือหงายขึ้น โดยเริ่มจากการหวายฟืมขึ้น ผู้ส่งกกจะสอดเส้นกกให้ด้านโคนกกเข้ามาก่อน พุ่งเข้ามาขัดอยู่ในระหว่างเส้นยืน จับเส้นกกให้ตรงแล้วดึงฟืมเข้าหาตัวผู้ทอ ทำให้เส้นกกถูกกระแทกอัดเรียงกันจนแน่น เส้นต่อมาผู้จับฟืมต้องพลิกฟืมให้คว่ำลง แล้วผู้ส่งกกต้องพุ่งเส้นกกด้านปลายเข้ามา แล้วจับเส้นกกให้ตรงดึงฟืมเข้าหาตัวผู้ทอ จับปลายเส้นกกด้านโคนกก พันริมกันเส้นกกหลุด ภาอีสานเรียกว่า “ไพ” จับฟืมพลิกหงายขึ้น และคว่ำลงสลับกันตามจังหวะการทอ เมื่อฟืมคว่ำต้องส่งกกด้านปลายเข้ามาก่อน เมื่อฟืมหงายต้องส่งกกด้านโคนเข้ามา ทำสลับกันเช่นนี้ไปตลอด
     ลวดลายของเสื่อ เป็นผลเนื่องมาจากการร้อยเส้นยืน การสอดเส้นกกสีต่างๆเป็นเส้นพุ่งให้ยกและข่มเส้นยืน จำนวนเส้นกกแต่ละสีทำให้เกิดเป็นลวดลายเสื่อ จำแนกได้ 2 ประเภท คือ
            (1) ลวดลายพื้นบ้าน ได้แก่ ลายหมากจับ ลายเรียบ ลายริ้วสลับ ลายตาราง และลายเสื่อห้อง
            (2) ลวดลายประดิษฐ์ เป็นการสร้างสรรค์ลวดลายบนผืนเสื่อให้เกิดความงามตามจุดประสงค์ โดยการประยุกต์ลวดลาย และได้รับอิทธิพลจากการทอผ้าไหม ทอผ้าขิต ได้แก่ ลายขิต ลายตัวอักษร ลายดอก ลายรูปสัตว์ ลายผีเสื้อ     ลายสับปะรด ลายปลา ลายผ้าซิ่นหมี่ ลายขอหลง ลายพญานาค ลายดาวเคียงเดือน ลายแก้วคู่ และลายช้าง เป็นต้น
7) การเก็บริมเสื่อ โดยใช้กรรไกร หรือมีดตัดปลายเส้นกกริมเสื่อ ใช้กรรไกรตัดเส้นยืนด้านตรงข้ามให้ขาดออกจากโครงกี่ทอเสื่อ นำปลายเส้นยืนมาผูกมัดให้แน่น ป้องกันไม่ให้เส้นกกหลุดออกจากผืนเสื่อปลายที่เหลือขมวดแล้วมัดต่อๆกันจนสุดริมเสื่อ ถักเปียมัดให้แน่นแล้วใช้ไฟลน
8) การตกแต่งขัดมัน เป็นการเก็บรายละเอียดของชิ้นงาน ได้แก่ การตัดเศษเส้นกกเส้นยืนหลุด หรือขาด และการขัดมันเสื่อให้ขึ้นเงาวาวแล้วนำผืนเสื่อตากจนแห้ง


เอกสารอ้างอิง
งานผลิตภัณฑ์ทอเสื่อกก. ค้นเมื่อ 25 เมษายน 2559, จาก
บุญทัน สีหาบุตร. (10 เมษายน 2559). สัมภาษณ์. ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อกกลายขิด. บ้านหนองหัววัว  หมู่ 6 ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
วรรณพิรัญญา อินทร์โท. (24 เมษายน 2559). สัมภาษณ์. ผู้ดูแลผู้รับการสงเคราะห์. ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรี และครอบครัวรัตนาภาจังหวัดขอนแก่น
สุธี สังคนนท์ และคณะ. ชุดการเรียนรู้การทอเสื่อกกลายขิต. ศูนย์การเรียนชุมชนเฉลิมพระเกียรติ ตำบลโคกสี             ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเมืองขอนแก่น ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดขอนแก่น. 2550


รวบรวม/เรียบเรียงโดย.....นางสาวอินทุอร  สินธุชาติ